fbpx

แชร์เทคนิคเพิ่ม ROAS จาก 2 เป็น 5 🔥ด้วย Opportunity Score 🎉ใน Meta Ads 2025

0)👋 เคยเห็นคะแนนแปลกๆ โผล่มาใน Meta Ads Manager มั้ย? ที่มันเป็นตัวเลข 0-100 อ่ะ นั่นแหละ เค้าเรียกว่า Opportunity Score ✨

สรุปสั้นๆ ก่อนนะ: มันคือคะแนนที่ Meta ให้ เพื่อบอกว่าแคมเปญโฆษณาของเราเนี่ย ทำตาม ‘สูตรสำเร็จ’ ที่ Meta แนะนำไว้มากน้อยแค่ไหน ประมาณว่าเธอคือลูกรัก AI หรือไม่

(ส่วนใหญ่จะเชียร์ให้ใช้พวกเครื่องมืออัตโนมัติ Advantage+ นั่นแหละ) คะแนนสูง = ทำตามเยอะ 👍 คะแนนต่ำ = ยังมีอะไรให้ลองปรับปรุงได้อีก 🤔

Meta เค้าเคลมบอกว่า ถ้าทำตามคำแนะนำนะ จะช่วยลดต้นทุนได้ประมาณ 5% เลยนะ

1). มันคืออะไรกันแน่? 🤔

Opportunity Score ก็เหมือน ‘เกรด’ ที่ Meta ให้กับแคมเปญ, Ad Set, หรือตัวโฆษณาของเราเลย คะแนนมีตั้งแต่ 0 ถึง 100

คะแนนสูง 📈: แปลว่าเราค่อนข้างทำตามที่ Meta แนะนำ หรืออาจจะไม่มีอะไรให้แนะนำตอนนี้

คะแนนต่ำ 📉: แปลว่า Meta คิดว่าเราน่าจะ ‘ปรับปรุง’ อะไรบางอย่างได้อีก เพื่อให้แคมเปญดีขึ้น (ตามความคิดของ Meta นะ)

ย้ำอีกที! คะแนนต่ำ ไม่ได้แปลว่าแคมเปญห่วยนะ อย่าเพิ่งรีบปิดแคมเปญล่ะ! มันแค่บอกว่า อาจจะ มีทางทำให้ดีขึ้นได้อีก

หาเจอได้ที่ไหน? 📍

หน้า Account Overview ด้านบนๆ เลยในตาราง Campaign Manager (บางทีอยู่ข้างๆ ที่เลือกบัญชี)อาจจะอยู่ในส่วน Performance Recommendations ด้วยลองเอาเมาส์ไปชี้ๆ ดู อาจจะมีรายละเอียดเพิ่มขึ้น

2). คิดคะแนนยังไง? 🤓

คะแนน 0-100 เนี่ย มันมาจาก จำนวน และ ความสำคัญ ของคำแนะนำที่เราทำตาม

คำแนะนำแต่ละข้อ น้ำหนักไม่เท่ากัน: บางอย่างทำแล้วคะแนนขึ้นเยอะ บางอย่างขึ้นนิดเดียว เช่น แก้ปัญหากลุ่มเป้าหมายซ้ำซ้อน อาจได้ +35 คะแนน แต่แค่เปิด Advantage+ Placements อาจได้ +5 คะแนน

น้ำหนักเปลี่ยนไปเรื่อย: ขึ้นอยู่กับหลายอย่างเลย เช่น เป้าหมายแคมเปญ, ประเภทธุรกิจ, งบประมาณ, ประวัติบัญชีเรา

ไม่ทำตาม ไม่โดนหักคะแนน: ถ้าเรากด ‘ไม่สนใจ’ (Dismiss) คำแนะนำ คะแนนก็ไม่ลดนะ (แต่ก็ไม่เพิ่ม)

ความลับ 🤫: Meta ไม่ได้บอกสูตรคิดคะแนนเป๊ะๆ! เค้าบอกว่าอิงตาม ‘ผลกระทบที่น่าจะเกิดขึ้น’ แต่เราก็ไม่รู้จริงๆ ว่าเค้าให้น้ำหนักยังไงกันแน่ มันก็เลยเหมือนเค้าแอบชี้นำให้เราไปใช้ฟีเจอร์ที่เค้าอยากโปรโมท (เช่น Advantage+) โดยให้คะแนนเยอะๆ หน่อยไงล่ะ

3). เค้าแนะนำอะไรบ้าง? ✅🔧

คำแนะนำส่วนใหญ่จะอยู่ใน 3 กลุ่มนี้:

แก้ปัญหาการตั้งค่า ⚙️: เช่น โครงสร้างแคมเปญแปลกๆ

แก้ไขข้อผิดพลาด ❌: เช่น โฆษณาไม่ผ่าน, Pixel มีปัญหา

ใช้ระบบอัตโนมัติ (Advantage+) 🤖✨: อันนี้แหละที่เน้นๆ เลย!

ตัวอย่างคำแนะนำที่เจอบ่อยๆ:

รวม Ad Set ที่กลุ่มเป้าหมายคล้ายๆ กัน

เปิดใช้ Advantage+ Placements (ให้ Meta เลือกตำแหน่งโฆษณาให้)

ใช้ Advantage+ Creative (ให้ Meta ช่วยปรับแต่งรูป/วิดีโอ)

ใช้ Advantage+ Audience (ให้ Meta ช่วยหากลุ่มเป้าหมายเพิ่ม)

ติดตั้ง Conversions API (อันนี้เทคนิคนิดนึง แต่สำคัญ)

เพิ่มงบประมาณ 💰 (บางทีบอกเลยว่าควรเพิ่มเท่าไหร่!)

แก้โฆษณาที่ไม่ผ่านอนุมัติ

แก้โฆษณาที่ติดสถานะ ‘Learning Limited’

แก้ปัญหา Audience Overlap (กลุ่มเป้าหมายซ้อนกันเกินไป)

แก้ Pixel ไม่ทำงาน / Event หาย

4. แล้วมันดีต่อเรายังไง? 👍🎉

อาจจะช่วยลดต้นทุน: Meta เคลมว่าทำตามแล้ว อาจจะ ลดต้นทุนต่อผลลัพธ์ได้เฉลี่ย 5%แต่ไม่มีการันตีนะ!

อันนี้ความเห็นส่วนตัว จากที่ผมเทสมาการเปิดตระกูล Advantage + ต่างๆ ผลลัพธ์มันดีกว่าไม่เปิดจริงๆ ต้นทุนต่อคนทักก็ถูกกว่า ROAS ก็สูงกว่าจริงนะ

ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะเห็นว่าระบบจะแนะนำให้เราเปิด

5. เทียบกับเพื่อนๆ (ฟีเจอร์อื่น) 🆚

ต่างจาก Relevance Score (ตัวเก่า): ใครเคยใช้ Relevance Score (1-10) ที่เลิกใช้ไปแล้ว? Opportunity Score (0-100) นี่เหมือนเวอร์ชันอัปเกรด

เค้าว่าซับซ้อนกว่า ดูหลายอย่างกว่า ไม่ใช่แค่ความเกี่ยวข้องอย่างเดียว ต่างจาก Advantage+ โดยตรง: Opportunity Score เป็นตัว แนะนำ ว่า “ลองใช้ Advantage+ สิ!” ✨ ส่วนพวก Advantage+ Audience/Placements/Creative เป็นตัว ทำงาน อัตโนมัติจริงๆ 🤖 คนละหน้าที่กันนะ

คล้ายๆ Optimization Score ของ Google Ads: ใครลงโฆษณา Google ด้วย น่าจะคุ้นๆ กับ Optimization Score ฟังก์ชันและข้อควรระวังคล้ายๆ กันเลย (เช่น อาจจะดันให้ใช้จ่าย/ใช้ AI เยอะขึ้น)

ถ้าชอบบทความนี้อย่าลืมกดแชร์เป็นกำลังใจให้ด้วยนะครับ #Digitalnote