วงการอีคอมเมิร์ซไทยและทั่วโลก ต้องสั่นสะเทือนกันบ้างแล้ว เพราะตอนนี้มีแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซรายใหม่จากจีนกำลังบุกเข้ามาตีตลาดในประเทศเรา และต่างประเทศ!!
โดยแพลตฟอร์มนั้นก็คือ “Temu” เป็นบริษัทเจ้าของเดียวกับ Pinduoduo ซึ่งเป็นเบอร์ต้นๆของจีน
และยังแย่ง Market Share จากอารีบาบาได้สำเร็จด้วยกลยุทธ์ สินค้าราคาถูกกว่า เพราะส่งตรงจากโรงงาน คืนเงินได้ภายใน 90 วัน และที่สำคัญส่งฟรีครับ
2)Temu เจ๋งตรงที่กล้าถ้าชนยักษ์ใหญ่อย่าง Amazon พึ่งเปิดตัวในสหรัฐปี 2022 มีผู้ใช้งานชาวอเมริกามากกว่า 100 ล้านราย
โค่น คู่แข่งอย่าง Shein ที่มีผู้ใช้งานเฉลี่ย 13.7 ล้านคน ทำรายได้ 6 พันล้านดอลลาร์ เป็นรองแค่ Amazon ที่มีรายได้ 7 แสนล้านดอลลาร์ และ Walmart.com 5.3 หมื่นล้านดอลลาร์
3)จากข้อมูลอินไซด์ที่ผมหาข้อมูลในอเมริกามา ว่าคนที่นั่นมีประสบการณ์การใช้งานเว็บ TEMU แล้วเป็นยังไงบ้าง
มีประมาณ 3 ประเด็นที่เห็นข้อมูลมา
1.บางรายแจ้งว่าไม่สามารถเปลี่ยนสินค้าได้จริงตามที่เคลมไว้
2. มีคนร้องเรียนว่า สถานะสินค้าขึ้นว่าจัดส่งแล้วแต่ยังไม่ได้รับสินค้าเป็นจำนวนมากในอเมริกา
3. อันนี้เท่าที่เห็นคือเยอะสุดคือมีการร้องเรียนเรื่องสินค้าได้ของคุณภาพต่ำ ไม่ตรงปกค่อนข้างมาก
เอาจริงๆตอนที่ผมเห็นข้อมูลดังกล่าวไม่ต่างกับตอนที่ทางช็อปปี้มาเปิดตัวในประเทศไทยใหม่ๆ เราจะมีความรู้สึกว่าการซื้อของผ่าน Shopee หรือ Lazada จะได้สินค้าที่ไม่ตรงปก คุณภาพต่ำ ดังนั้นเรื่องของคุณภาพ การส่งของตรงปก ยังต้องพัฒนาอีกสักระยะหนึ่ง
จริงๆแล้วที่อเมริกาเคยมีโมเดลคล้ายๆแบบนี้นั่นคือ Wish.com ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มช้อปปิ้งออนไลน์เริ่มสร้างปี 2010 โดย Peter Szulczewski และ Danny Zhang แต่ตอนนี้ขายบริษัทไปแล้ว
เพราะกระสุนในการ Burn เงิน (แจกคูปอง ค่าส่ง บราๆๆ) น้อยเลยต้องขายต่อให้คนอื่นไปบริหารครับ แต่ Temu มี Back ดี อย่าง Pinduoduo กระสุนในการเผาเงิน มีมหาศาลนะครับ
4) แล้วมาดูกันบ้างว่าในประเทศอเมริกาสินค้าอะไรที่ขายดี ใน TEMU
1) กระเป๋า Crossbody เป็นสินค้าที่ขายดีอันดับต้นต้นที่อเมริกา เอาจริงๆด้วยความที่คนอเมริกาก็ไม่ได้ติดเรื่องของแบรนด์มากเท่ากับคนเอเชียดังนั้นก็เลยเน้นสินค้าราคาประหยัดใช้งานได้จริงคุณภาพคุณภาพดี
2) เครื่องพิมพ์ขนาดเล็ก (mini printer) โดยข้อมูลที่ผมหามามีการขายไปมากกว่า 100,000 ชิ้น
3) เครื่องใช้ในครัวและเครื่องใช้ไฟฟ้าเช่นเครื่องปั่นน้ำผลไม้เครื่องผสมอาหารเครื่องดูดฝุ่นพวกนี้ก็ถือเป็นสินค้าที่ขายดีมากๆในอเมริกาเช่นกัน
4) อุปกรณ์สัตว์เลี้ยง เช่นเตียงสัตว์หรือเฟอร์นิเจอร์แต่งบ้านสำหรับสัตว์เลี้ยงอันนี้เค้าขายดีมากในอเมริกา
จากที่เห็นก็ไม่ใช่ว่าทุกหมวดจะขายดีส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าภายนอกเป็นส่วนใหญ่ยังไม่เกี่ยวกับสินค้าที่ ต้องกิน ต้องทา ต้องดื่ม
5) คราวนี้เรากลับมาที่ประเทศไทยบ้านเรากันบ้างว่าการที่ทาง TEMU เข้ามาในประเทศไทยในครั้งนี้เราจะได้รับผลกระทบอะไรกันบ้าง
1) สินค้ามีราคาถูกเมื่อเทียบกับสินค้าจาก Shopee,Lazada ทำให้คนสนใจสั่งซื้อ ซึ่งผลกระทบที่ตามมา คือทำให้ผู้ประกอบการไทยและเศรษฐกิจไทยย่ำแย่เพราะเงินไหลออกไปจีน ไม่หมุนเวียนอยู่ในระบบเศรษฐกิจไทย
เมื่อไม่กี่วันมานี้ TikTok ได้จดทะเบียนในประเทศไทยแบบนี้จะทำให้ภาครัฐสามารถเก็บภาษีได้มากขึ้นแต่ของ TEMU รัฐบาลจะเก็บภาษีไม่ได้เลยเงินจะวิ่งตรงไหลออกไปยังประเทศจีนทันที
2) TEMU เน้นขายสินค้าราคาถูก เป็นราคาที่ส่งตรงมาจากโรงงานที่จีน ทำให้ SME ไทยที่ขายสินค้าประเภทเดียวกันเจอแรงกดดันด้านราคา แล้วสุดท้ายก็ต้องปิดกิจการในที่สุด
6) ส่วนเรื่องการรับมือเท่าที่คิดออกเร็วเร็วตอนนี้ ผมคิดว่าเรามาอยู่ในจุดที่ไม่สามารถที่จะปิดกั้นการเข้ามาของ TEMU ได้แล้ว
เว้นแต่ว่าในอนาคตภาครัฐบาลจะมีการออกกฏหมายกีดกันทางการค้ากับทาง TEMU ซึ่งวันนั้นอาจจะไม่เกิดขึ้นเลยก็เป็นไปได้ ฉะนั้นนี่คือสิ่งที่ผมคิดว่าเราจะต้องเตรียมตัวรับมือ
1) ถ้าเราเป็นผู้ผลิตสินค้าในประเทศไทย เราไม่สามารถที่จะทำให้ต้นทุนของเราต่ำกว่าคนจีนได้อยู่แล้วเพราะฉะนั้นตรงนี้ต้องวางแผน Exit plan สำรองไว้ด้วย ถ้ายื้อไว้ไม่ได้อย่าฝืนครับ ยิ่งฝืนยิ่งเจ็บ
หรือถ้าเกิดว่ายังอยากไปต่อต้องใช้การจับมือร่วมกับคนจีน ผมมีโอกาสเข้าไปช่วยเป็นที่ปรึกษาให้กับคนจีนและได้เรียนรู้ว่าคนจีนเองเค้าก็อยากทำงานกับคนไทย ที่ขยันและมีศักยภาพเค้าพร้อมลงทุนกับพวกเราด้วยเช่นกัน
2) ถ้าเราเป็น คนกลางระหว่างคนซื้อกับคนขายผมคิดว่าโมเดลนี้จะอยู่ยากขึ้นเรื่อยเรื่อยให้ผันตัวเอง
มาทำเป็นเป็นระบบ Affliate จะดูมีอนาคตกว่าการเป็นพ่อค้าคนกลางผมคิดว่ายุคพ่อค้าคนกลางจะค่อยค่อยหมดไปเรื่อยเรื่อย
3) ถ้าเราเป็นคนขายให้เร่งสร้างแบรนด์ เพราะสินค้าจาก TEMU เป็นสินค้า Non-Brand
เน้นราคาถูกแต่เราต้องเน้นสร้างคุณค่าเช่นเพิ่มงาน บริการที่รวดเร็ว หรือมีทีมงาน Support หลังการซื้อสินค้าแล้วเป็นต้น