ได้ตามข่าวกันหรือเปล่าครับว่า Google Chrome ได้มีการทดสอบฟีเจอร์ตัวหนึ่ง ซึ่งเป็นฟีเจอร์สำหรับการปิด Third – Party cookies มันส่งผลกระทบกับใครบ้าง แล้วจะแก้ยังไง? ไปดูกันเลยครับ ต้องบอกว่าที่ผ่านมาทาง Google Chrome ได้มีการเริ่มใช้งานฟีเจอร์นี้จริงแล้ว ประมาณ 1% ของผู้ใช้งานทั่วโลก ซึ่งปัจจุบันคนใช้งาน Google Chrome จะอยู่ประมาณ 65% ของ Browser ทั้งหมดทั่วโลก
ซึ่งสิ่งที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ ว่าทาง Safari ได้มีการทดลองใช้มาสักระยะหนึ่งแล้ว
แต่ว่าทาง Google Chrome เพิ่งมีการประกาศใช้ในช่วง Q4 ปี 2023 ที่ผ่านมา
หรือถ้าพูดให้เข้าใจง่ายๆว่า ต่อไป “เราจะไม่สามารถใช้ความทรงพลังของเจ้าตัว cookies ในการติดตามลูกค้าได้อีกแล้ว “
อย่างที่เราทราบกันดีครับว่า เวลาเรายิงโฆษณาใน Facebook หรือ แพลตฟอร์มไหนก็ตาม ไม่ว่าจะเป็น Tiktok หรือ Google
หากเรามีการติดตั้งตัว Pixel ในเว็บไซต์ของเรา เวลาลูกค้าเข้าเว็บไซต์ เราจะสามารถใช้เจ้า cookies ตัวนี้ ในการติดตามหรือ Tracking ลูกค้า
ทำให้เราทราบว่า
ใครบ้างนะที่ >>เดินทางเข้ามาในเว็บไซต์ของเรา >>มีการกด Add to Cart กี่คน >>มีการสั่งซื้อสำเร็จกี่คน ซึ่งเราสามารถนำข้อมูลตรงนี้ มาทำการยิงโฆษณาแบบ Retargeting ซ้ำได้นั่นเอง
แล้วเรื่องนี้จะส่งผลกระทบกับใครบ้าง
1คนที่ยิงโฆษณา Conversion แบบไม่ติดตั้งตัว API จะได้ผลกระทบแบบเต็มๆ เพราะเราจะไม่สามารถติดตามลูกค้าที่เข้าเว็บไซต์เราได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ใช้ IOS 14.5 ขึ้นไป ที่เขามีการกด ไม่อนุญาตให้ Facebook (opt out )มีการติดตามนั่นเอง
2.คนที่ยิงโฆษณา Conversion แล้วส่งลูกค้าไปยังปลายทางที่เป็น Google Chrome แล้วลูกค้ามีการเปิดฟีเจอร์ Tracking Protection ก็จะทำให้คนยิงโฆษณา ไม่สามารถเก็บข้อมูลลูกค้าได้อีกต่อไป
สำหรับวิธีการแก้ไข ที่ผมเอามาฝากสำหรับโพสนี้เท่านั้นนะครับ
1)ให้เราเปลี่ยนไปยิงเป็น Conversion API (CAPI) จะช่วยทำให้เราสามารถเก็บ Data ลูกค้าได้มากขึ้น
2) ให้เราทำการเปิดฟีเจอร์ First – Party cookies ใน Facebook ให้เป็นสถานะ On ก็จะช่วยทำให้ทาง Facebook สามารถเก็บข้อมูลลูกค้าได้มากขึ้นนั่นเอง ดูตามรูปได้เลยครับ
เป็นยังไงบ้างครับถ้าใครอยากได้สาระดีดีที่เป็นแบบรูปแบบวิดีโอแนะนำกดติดตามที่ช่อง TikTok นี้ได้เลยนะครับ