งาน TikTok เพิ่งจะจบไปต่อด้วยงานของเมต้าเพื่อไม่ให้เป็นการน้อยหน้าทางติ๊กต่อกนั่นเองครับ วันนี้ขออนุญาตมาสรุปรวบตึงสิ่งที่เราจะต้องรู้ในงาน เมต้า Marketing ซัมมิท ประเทศไทย 2024
ภายในงานมีอัพเดทถึงฟังก์ชั่นใหม่ๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต สิ่งที่สำคัญในการทำการตลาด การใช้ AI และการสร้างโฆษณา การเป็นพาร์ทเนอร์กับหน่วยงานภาครัฐ
ทาง Meta ได้อัพเดทว่าในตอนนี้คนทั่วโลกมีการใช้แพลตฟอร์มของเมต้า ไม่อันใดก็อันหนึ่ง รวมแล้วประมาณ 3.27 พันล้าน โตขึ้นจากปีที่แล้ว 7%
สิ่งที่คนไทยหลายคนอาจจะยังนึกไม่ถึงก็คือว่าแพลตฟอร์ม Facebook ยังเป็นแพลตฟอร์มที่มีคนเล่นมากที่สุดไม่ใช่ TikTok นะครับ
1) มากกว่า 50% ของคนเล่น Instragram จะใช้เวลาในการเล่น Reels นาน และ 60% ที่คนใช้เวลาเพิ่มขึ้นกับ
การดูวิดีโอบน Facebook และ Instagram
สำหรับ Threads มีผู้งานทั่วโลกเฉลี่ยเดือนละ 200 ล้านคน โดยมี 1 ล้านคนที่ลงโฆษณากับทาง Facebook และมี 22% ที่ได้รับผลตอบแทนที่ดีขึ้นเมื่อใช้ Advantage+ Shopping campaigns
ตัว Advantage+ Shopping campaigns ถือว่าเป็นฟีเจอร์ตัวหนึ่งที่ดีมากๆจากที่ผมทดสอบกับลูกค้ามาหลายๆ คนครับ อันนี้แนะนำเลย
2) Meta AI Help and learn สามารถค้นหาหรือสร้างข้อมูลเว็บ ฟีด แชท เป็นผู้ช่วยสเหมือนผู้ช่วยคนนึงเลยคล้ายๆ chatgpt เช่นช่วยวางแผนการดูแลสุขภาพ, ช่วยวางแผนกลุ่มลูกค้า, ช่วยครีเอทีฟรูปภาพ, คุยแชทได้ สามารถคุยได้ผ่าน DM Instagram โดย Meta AI สร้างมาจากตัว Llama 3.1 ใช้งานได้ฟรี แต่ในตอนนี้ยังไม่ได้เปิดให้ใช้งาน รอติดตามกันต่อไปครับ
3) Meta Advantage+ shopping campaign เครื่องมือด้านการตลาด ขับเคลื่อนด้วย AIช่วยเพิ่ม ROAS สูงถึง 22% ในปี 2024 โดยใช้ AI ในการ optimization ads ซึ่งเราไม่ต้องทำอะไรเลย AI จะจัดการให้
อันนี้ค่อนข้างเห็นด้วยกับข้อมูลด้านบนนะครับจากที่ทดสอบมามันทรงพลังกว่า การที่เรามานั่งปรับตั้งเองจริงๆครับให้ระบบ AI มันคิดให้เราได้ผลลัพธ์โดยรวมดีกว่า
4) AI for business messaging คือ AI ช่วยตอบแชท หรือเรียกว่าแชทบอท ใช้งานฟรีใช้ได้หลายภาษารวมถึงภาษาไทยด้วย ทั้งหมดด้านบนจะทำให้ ROAS สำหรับโฆษณาของเราดีขึ้น สูงขึ้น 22% ได้ผลรับมากถึง 4 เท่าหากเรา Creative สินค้าได้ตรงจุด
5) Meta มี AI Generative ความคิดสร้างสรรค์ในการโฆษณา สร้างคอนเทนต์ให้ทั้ง image generation ทำรูป โดยเขียน prompts ให้, text generation ก็อปปี้ข้อความ,Text Overlay หรือข้อความบนภาพ ทำให้การตลาดง่ายขึ้น
6)โดยเมต้าได้ลงทุนในการทำ AI ไป 1 แสนล้านดอลลาร์หรือประมาณ 3.4 ล้านล้านบาท
7) เมต้ายังคงพัฒนา Metaverse ต่อไป และมองว่าเป็นอนาคตอย่างแน่นอน สื่อผ่านแว่น Metaverse และ Leadership in AI เช่นการใส่แว่นแล้วเข้าไปสู่โลกเสมือน
8 )Meta Llama 3.1 ขับเคลื่อน Soft power ของไทย โดยเวอร์ชันล่าสุดจะมีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจของประเทศไทย เนื่องจากโมเดลประมวลผลภาษาขนาดใหญ่ เพิ่มการรองรับภาษาไทย มอบ
ความยืดหยุ่น การควบคุม และความสามารถที่ไม่มีใครเทียบได้ให้กับนักพัฒนาในประเทศไทย ปีที่ผ่านมามีการเปิดตัว Llama รุ่นแรก มียอดดาวน์โหลดกว่า 300 ล้านครั้ง และมีโมเดลถูกพัฒนาต่อยอดมากว่า
20,000 โมเดล โดย Meta เชื่อว่า AI มีศักยภาพมากกว่าเทคโนโลยีสมัยใหม่เพิ่มประสิทธิภาพและความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ การเติบโตทางเศรษฐกิจ ช่วยปลดล็อกความก้าวหน้าสำหรับธุรกิจในไทยและทั่วโลกด้วย
9) Meta สนับสนุนซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศไทย ด้วยการเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์กับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เพื่อเป็นเครื่องมือที่จำเป็นต่อการเพิ่มประสิทธิภาพในทุกขั้นตอนของการทำความเข้าใจเส้นทางความสนใจของผู้บริโภค
10) นอกจากนี้ยังประกาศเปิดตัว คู่มือการท่องเที่ยว (Travel Playbook) กลยุทธ์ที่ธุรกิจการท่องเที่ยวสามารถนำไปใช้ได้ โดยผู้ประกอบการที่สนใจ สามารถดาวน์โหลดคู่มือท่องเที่ยวได้จากช่องบรอดแคสสำหรับธุรกิจ ‘Meta Thailand for Business’ ของเพจ Meta Thailand ที่ https://m.me/j/Abb33bI6aY9FYiBx/
11) ไม่เพียงเท่านี้ Meta ยังร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์ของไทย เพื่อปลดล็อกการค้าข้ามพรมแดนให้กับธุรกิจไทยช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันด้วยการเจาะตลาดใหม่ๆ
แต่ชอบคอนเทนท์ดีดีแบบนี้อย่าลืมกดแชร์เป็นกำลังใจให้ด้วยนะครับ #digitalnote